เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๑ ก.ย. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ดูในปัจจุบันนี้ เวลาโรคไข้หวัดนก ไข้หวัดนกมารอบสองรอบสามแล้ว มันอันตรายขนาดไหน ไวรัสมันกลายพันธุ์นะ ไวรัสนี้กลายพันธุ์ แล้วถ้าเกิดมีสิ่งที่เป็นพิษในอากาศเราหายใจเข้าไปมันจะเป็นอย่างไร โลกมันจะเปลี่ยนแปลง สภาวะโลกเป็นอย่างนั้น แล้วเมื่อก่อนนี้คนจะตื่นตระหนกมาก แต่เดี๋ยวนี้ปัจจุบันนี้เราเข้าใจแล้วว่าโรคนี้จะติดต่อได้ด้วยชนิดใด

แล้วเวลาความผูกพัน ความรัก มันมีในไก่ชน แล้วเวลากีฬาไก่ชน เวลาเขารักของเขา เขาจะอุ้มเขาจะกอดของเขานะ โรคอย่างนั้นน่ะมันทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้ แล้วเวลาวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ เวลาพิสูจน์ได้ นี่มันเป็นไข้หวัดนก มันสามารถติดต่อถึงมนุษย์ได้ มนุษย์จะตายจากสิ่งนี้ได้ นี้เป็นเรื่องของไข้หวัดนกนะ เป็นเรื่องของความเปลี่ยนแปลงของโลก เราอาศัยโลกอยู่ ร่างกายเรา มนุษย์เราต้องอาศัยโลกอยู่ ต้องมีออกซิเจน ต้องมีน้ำ ต้องมีอาหาร นี่ร่างกายของมนุษย์

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นโลกของกิเลสไง โลกของกิเลสมันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก มันน่ากลัวกว่าอย่างนี้อีก เพราอะไร เพราะมันซึมไปในหัวใจนะ แล้วมันพาเราเกิดพาเราตาย พาเราทุกข์ยากมานี้ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะเข้าไปชำระล้าง เข้าไปแก้ไขสิ่งนี้ได้เลย ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ตรัสรู้ธรรม ในศาสนาเราถึงว่ามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ธรรมอันนี้วางไว้เป็นกลาง แล้วพวกสาวกสาวกะ ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติแล้วเป็นพระสงฆ์

พระสงฆ์ เห็นไหม เขาบอกว่า พระสงฆ์ สงฆ์นี้เป็นอภิสิทธิ์ชน...ไม่ใช่หรอก เวลาเขาพูดกับนักวิชาการ เขาบอก ภิกษุสงฆ์ ภิกษุณีสงฆ์ อุบาสกสงฆ์ อุบาสิกาสงฆ์ สงฆ์ สงฆ์จริงๆ เพราะนางวิสาขาก็เป็นสงฆ์ เป็นสังฆะ เป็นพระอริยบุคคลขึ้นมา มันเป็นอุบาสกสงฆ์ก็ได้ อุบาสิกาสงฆ์ก็ได้ สงฆ์ แต่สงฆ์ต้องให้มันเป็นตามความเป็นจริงไง

ไม่ใช่ปิดกั้นนะ การกระทำ สิ่งต่างๆ การฝึกฝน การหายามารักษาโรค เราจะรักษาของเราได้ ธรรมมีอยู่แล้ว เช่น อากาศหายใจ ใครก็สามารถจะหายใจได้ อากาศนี้มีหายใจ แต่ในความเป็นไปของร่างกายเรามันต้องการอาหาร สิ่งที่ต้องการอาหาร มันอยู่ที่ผลบุญผลกรรมนะ

คนเรามีบุญกุศลนะ มีบุญกุศลสร้างสมมาแบบพระสีวลี ไปไหนมีแต่ลาภมหาศาลเลย เพราะอะไร เพราะท่านสละของท่านไว้นะ ท่านทำของท่าน พระในสมัยพุทธกาลได้ถวายยาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมาชีวิตนี้จะแข็งแรงมาก ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเลย สิ่งใดที่ทำมาเป็นเรื่องการกระทำของเขามา เขามีเหตุของเขามา ผลของเขา เขามารับผลของเขา ถ้ารับผลของเขา แล้วเราก็เรียกร้องเอานะว่าต้องเสมอภาค เสมอภาคทางโลก เห็นไหม นิ้วของเราก็ยังไม่เท่ากันเลย เป็นไปไม่ได้ ความเรียกร้องอย่างนั้นมันเป็นสมมุติ มันเป็นความคิด มันเป็นเรื่องของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก สิ่งที่ตัณหาความทะยานอยากคิดอย่างนั้น แต่ถ้าคนมีธรรมในหัวใจมันมีความเมตตา สิ่งที่มีความเมตตา มีความสงเคราะห์สงหากัน มันยิ่งกว่าสิทธิมนุษยชนอีก

ความเห็นของใจ เห็นไหม ทำไมครูบาอาจารย์ของเราองค์หนึ่งที่ประพฤติปฏิบัติมาแล้ว สงเคราะห์โลก ช่วยโลกขนาดไหน นี่สิทธิไง ถ้าพูดถึงทางโลกเป็นคนที่โง่มาก โง่มากเพราะอะไร เพราะมีแต่สละออก ไม่เคยยึดมั่นถือมั่นสิ่งใดเลย สิ่งใดเอามาเป็นประโยชน์ ประโยชน์นะ แล้วกับคนที่มันไม่รู้ เห็นไหม เวลาธรรมะ เราจะสอนคนที่นอนหลับ ใจมันหลับนะ เด็กหรือเรานี่นอนหลับอยู่ เราจะเอาธรรมะไปป้อนเขา เราเอาอาหารไปป้อนเขา เขาสำลักตายเลย เขาไม่ยอม ไม่ยอมรับหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาลุกขึ้นมา แล้วเมื่อไหร่เขาหิวอาหารของเขา อาหารจะมีประโยชน์กันคนที่หิวกระหายมาก

นี้ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีความทุกข์ในหัวใจ เราพยายามค้นคว้าของเราในหัวใจ เวลาทางโลกเขา เขาพิสูจน์ได้ ยังมีไข้หวัด ไข้ต่างๆ มันเป็นหวัด ถึงว่าทำให้คนตายได้นะ แต่เวลาเราเกิดเราตาย มารมันปิดตาไว้ เราต้องเกิดตายตามธรรมชาติของมัน เราก็เกิดก็ตายนะ แล้วเราก็คิดค้น ค้นคว้าสิ่งนี้ไม่ได้เลย

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ตั้งแต่เพ็ญเดือน ๖ กิเลสตายออกไปจากใจ สิ่งนี้จะไม่มีอะไรตายเลย เวลาครูบาอาจารย์ของเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เขาคืนสภาวะเดิมของเขา ในร่างกายนี้เขาจะคืนสภาวะเดิมของเขา ไม่มีการเกิดและไม่มีการตาย สิ่งนี้มันยืมธาตุ ๔ นี้มาจากโลก แล้วก็คืนโลกเขาไป แล้วใจดวงนี้ถ้าเรามีกิเลสอยู่ เวลาตายไปมันมีพลังขับเคลื่อน มันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก สิ่งนี้มียางเหนียวอยู่ มันจะต้องเกิดต้องตายตลอดไป

แต่ถ้าชำระกิเลสด้วยยาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชำระกิเลสออกไปจากใจแล้ว ใจดวงนี้เป็นสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ กลับคืนไปสู่ธรรมชาติเดิมของเขา จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลส จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้ เดิมแท้ด้วยกิเลสไง กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันขับเคลื่อนอยู่ เพราะยาอันนี้เข้าไปชำระโรคอันนี้ที่มันละเอียดอ่อนที่ไม่มีใครสามารถเห็นได้ แล้วเราต่างหากเป็นผู้ที่จะต้องค้นคว้าเอง ต้องหายาของเราเอง แล้วไปชำระกิเลสของเราเอง

กิเลสในหัวใจของเรา ถ้าเราชำระกิเลสของเรา ยาเกิดขึ้นจากเรา เราต้องค้นคว้า เราต้องหาขึ้นมา แล้วมันก็ชำระขึ้นมา พอชำระเสร็จสิ้นอย่างนี้แล้วกลับไปอยู่ธรรมชาติเดิมของเขา ธรรมชาติเดิมของเขา นี่หลวงตาว่า “ธรรมธาตุ” ถ้าธรรมธาตุเข้าไปเป็นธรรมของเขา นิพพานมีอยู่ไง อยู่ในสภาวะของเขา ไม่มีสิ่งใดเกิดและไม่มีสิ่งใดตาย กลับไปสู่ธรรมชาติของเขา

แต่ในเมื่อมันเป็นไข้อยู่ ในเมื่อมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากอยู่ มันไม่กลับไปสู่ธรรมชาติเดิมของเขาหรอก มันกลับไปสู่ธรรมชาติของกรรม ธรรมชาติของกรรมคือการทำดีและทำชั่ว ใครทำกรรมดีไว้มหาศาลขนาดไหนก็เกิดในบุญกุศลนี้ ขับเคลื่อนไปขนาดไหน เป็นพระอินทร์ เป็นพรหม เป็นท้าวจักขุบาล เป็นท้าวต่างๆ บุญกุศลพาเกิดทั้งหมด นี่ความขับเคลื่อนอันนี้ ถ้าเป็นบาปอกุศลก็ทำให้เกิดในนรกอเวจี พ้นจากนรกอเวจีขึ้นมาก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดต่างๆ จิตดวงนี้ต้องเร่าร้อน จิตดวงนี้ต้องทุกข์ตลอดไป

เวลาเราคิดกันว่า ถ้าโลกนี้มีการฆ่าสัตว์ ถ้าเราฆ่าสัตว์เพราะพระนี้ไปฉันอาหาร ไปฉันเนื้อสัตว์ สิ่งที่ฉันเนื้อสัตว์นั้นทำให้เขามีการฆ่าไง พระต้องไม่ฉันเนื้อสัตว์ต่างๆ...เวลาสัตว์มันจะตายนะ เวลาสัตว์มันตายไปแล้ว มันไม่มีสิ่งที่จะเป็นบุญกุศลของมัน นี่มันเข้าใจ สัตว์มันมีความรู้สึก เวลาพระโพธิสัตว์ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นกระต่ายต่างๆ กระโดดเข้ากองไฟเพื่อเอาเนื้อร่างกายของเรานี้เพื่อสร้างสมบารมี เพื่อให้เป็นอาหารของพรานป่า

นี้ก็เหมือนกัน เวลาสัตว์มันจะตายขึ้นไป ถ้ามันสามารถเข้าได้นะ มันจะไปเข้านิมิตของครูบาอาจารย์ไง ว่านี่ตายแล้ว เกิดมาเป็นสัตว์นี้แสนทุกข์แสนยาก เพราะอะไร เพราะความบีบคั้นของมัน ความบีบคั้นของร่างกาย มันก็ต้องแสวงหาอาหาร เวลาหิวกระหายขึ้นมาต้องพยายามหากินอาหาร หาหญ้า หาสิ่งต่างๆ กินอาหารของเขา เขาก็ต้องระวังภัยเพื่อชีวิตของเขา ถ้าถึงเวลาเขาผิดพลาดเข้าไป เขาพลั้งเผลอไป เขาก็ต้องโดนพรานป่าฆ่าไป หรือโดนสัตว์ที่ใหญ่กว่ากินเป็นอาหาร ถ้ากินเป็นอาหาร ถ้าเขาตายแล้ว สิ่งที่ว่าเนื้อของเขาควรอยากจะให้ได้เป็นกุศลไง ถ้าครูบาอาจารย์ได้ฉันของเขา ฉันเนื้อของเขานะ ถ้าฉันเนื้อของเขา เขาจะได้บุญกุศลของเขา

แต่เราคิดมุมกลับไง คิดว่าสัตว์ต้องรักชีวิตทุกคน สัตว์ต้องรักชีวิตทุกตัว สัตว์มีชีวิต มันก็รักของมัน มันแสวงหาของมัน แล้วเราไปกินของเขา...นี่มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นสภาวะของกรรมไง สภาวะของกรรม ฝนตกแดดออกเราไม่สามารถไปยับยั้งมันได้ สิ่งที่ฝนตกแดดออกเป็นธรรมชาติของเขา สิ่งที่เป็นธรรมชาติของเขา นี้สภาวกรรมมันเป็นสภาวะแบบนั้น แล้วเกิดกรรม เกิดสภาวะแบบนั้น แล้วถ้าสิ่งที่ฝนตกมา ฝนตกแดดออก แดดก็ใช้ พลังงานของแดดก็ใช้ประโยชน์ได้ ฝน น้ำก็ใช้การทำกสิกรรมได้

นี้ก็เหมือนกัน เนื้อหนังมังสาของเขา เขาเกิดมาชาตินี้ เขาได้เนื้อหนังมังสาอันนี้มาเป็น เป็นสมบัติของเขามาก เวลาเขาตายไปเพราะความพลั้งเผลอหรืออะไรไป ขอให้เนื้อของเขาได้เป็นประโยชน์ไง ให้สร้างบุญกุศล ให้ใจของเขาได้เกิดคุณงามความดีบ้างไง ให้เกิดในสิ่งที่ว่าเขามีความสุขความสงบของเขาบ้าง ความคิดอย่างนี้เขาก็มี

แต่ถ้าเราคิดประสาโลกของเรา เห็นไหม ไม่ได้ ไม่ได้ สิ่งใดก็ไม่ได้ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงวางธรรมวินัยไว้ ถึงว่าไม่ขัดกับอดีตอนาคตไง อดีตอนาคต สิ่งที่เป็นไป สิ่งที่ย้อนมาถึงเรานี้ ในปัจจุบันนี้ แล้วจะไปในอนาคตนั้น สิ่งที่อนาคตสืบต่อไป

โรคของกิเลสมันเป็นสิ่งที่ว่าเสียดแทงใจมาก เวลามีความสุขนะ เวลาเราพอใจสิ่งใด เราปรารถนาสิ่งใดแล้วสมตามความปรารถนา นั้นคือบุญกุศลของเรา ถ้าบุญกุศลของเรานั้นเกิดขึ้นมา เราก็ว่าสิ่งนี้เป็นความสุข สิ่งนี้เป็นความสุข แต่เวลาสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นความทุกข์เบียดเบียนใจของเรา เราก็ไม่ต้องการสิ่งนี้ ไม่ปรารถนาสิ่งนี้ สิ่งที่ไม่ปรารถนา เห็นไหม กุศล อกุศลขับเคลื่อน นี่ไงมันเป็นเรื่องของกรรม สภาวกรรมอย่างนี้ต้องทำใจทุกดวงต้องขับเคลื่อนไปไม่มีวันที่สิ้นสุด แล้วเราเบื่อหน่ายในการเกิดและการตายไหม

ถ้าเรามาเบื่อหน่ายในการเกิดการตาย เราทำบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนา การสละทานนี่คือการฝึกใจ สิ่งนี้ฝึกใจ ฝึกเพื่ออะไร? เพื่อให้มีการสละออก เราทำทานขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาจากทาน พระเวชสันดรทานแม้แต่บุตร แม้แต่เวลาว่าทานแม้แต่บุตร แม้แต่ภรรยา เพราะอะไร เพราะความผูกพันไง โลกนี้ สิ่งที่รักสงวนที่สุด คือเพศตรงข้ามนี้รักสงวนที่สุดเลย แล้วสิ่งที่รักสงวนที่สุด เป็นสุภาพบุรุษด้วย เวลาเขามาขอ ขอเราไป ขอเราไปไม่ได้หรือ เอาเราไปแทนไม่ได้หรือ ทำไมต้องเอาภรรยาของเราไปด้วย แต่เวลาเขาขอนี่เขาขอเพื่อจะเข้าถึงโพธิญาณเกิดที่ใจไง ถิ่นที่เกิด สินค้าต่างๆ เกิดจากถิ่นที่เกิดที่ไหน เขาต้องเอาจากถิ่นที่เกิดนั้นส่งไป

นี่ก็เหมือนกัน ถิ่นที่เกิดของโพธิญาณคือหัวใจ ในเมื่อหัวใจมันมีความเบียดเบียนอยู่ หัวใจมันสงวนรักษา รักษามาก เพราะเป็นคนที่เป็นสุภาพบุรุษมาก สิ่งนี้สงวนรักษามาก แล้วเขาขอสิ่งนี้ไปให้มันสะเทือนหัวใจไง สะเทือนถิ่นกำเนิดนั้น พลิกขึ้นมาให้เป็นพระโพธิญาณได้ไง แล้วสะเทือนถิ่นกำเนิดนี้คือการสละครั้งสุดท้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วออกมาประพฤติปฏิบัติ แล้วค้นคว้าอันนี้ เพื่อจะหายาอันนี้ไง ธรรมโอสถไง

ถ้าธรรมโอสถนี้เกิดขึ้นมาจะเป็นประโยชน์กับเรา แล้วธรรมเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว ธรรมนี้มีอยู่ ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้ามีอยู่ แล้วเราจะค้นคว้าไหม เราจะแสวงหาไหม ถ้าเราแสวงหาเพื่อเป็นประโยชน์ของเรา สิ่งนี้เกิดขึ้นมามันเป็นความละเอียดอ่อนลึกซึ้งมาก ปัญญาอย่างนี้มันละเอียดลึกซึ้ง ถึงต้องวางฐานก่อน เริ่มจากทานก่อน ให้มีความเชื่อ มีความศรัทธาความเชื่อ การสละทาน ให้มีศีล มีการควบคุมหัวใจ หัวใจนี้ควบคุมได้

ถ้าเรามีศีลแล้วฝึกฝนขึ้นมา นี่หัวใจควบคุมได้ เวลามันต้องการ อย่างวัยรุ่นเวลามันต้องการสิ่งต่างๆ มันจะพูดไปหมด เข้าใจสิ่งนั้นไปหมด แต่เวลาวัยรุ่นมีอายุมากขึ้นนะ ก็จะสอนวัยรุ่นต่อมาว่าเป็นอย่างนี้เหมือนกัน พ่อแม่สอนลูก เวลามันบังกันอย่างนี้ไง พ่อแม่กับลูกถึงคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ เพราะมันต่างวัยกัน สิ่งที่ต่างวัย แต่ประสบการณ์ของจิตนี้ถ้าสัมผัสไปจะเห็นสภาวะแบบนั้น

การประพฤติปฏิบัติของครูบาอาจารย์ก็เหมือนกัน จากใจดวงหนึ่งนะ ใจดวงหนึ่ง กิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจดวงนั้น แล้วทำกิเลสตัณหาความทะยานอยากใจดวงนั้นออกไปจากใจดวงนั้น แล้วใจทุกๆ ดวงมันก็เหมือนกัน สิ่งที่เหมือนกัน มันเป็นสภาวะแบบนั้น มันจะเห็นอาการนั้นเคลื่อนไหวมา สิ่งที่เคลื่อนไหวมา สิ่งนี้ต้องสละออก สิ่งนี้ต้องสละออก

สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ โลกเขาได้สมบัติมามหาศาล เป็นสมบัติของเขา แต่การประพฤติปฏิบัติ ใครขนออกได้เท่าไรถึงเป็นสมบัติของเขา ใครสละออกเท่าไร ใครทำลายหัวใจได้เท่าไร ยิ่งทำลายยิ่งงอกงาม ยิ่งทำลายยิ่งสวยงาม ยิ่งทำลายยิ่งเจริญงอกงาม ยิ่งมีความสุข ยิ่งว่าง ยิ่งละเอียดอ่อนเข้าไป ยิ่งทำลาย ทำลาย เห็นไหม โลกเขาต้องได้มาถึงเป็นประโยชน์ แต่ธรรมต้องสละออก ต้องทำลายออก ทำลายโดยวิธีการของเขานะ ไม่ใช่ทำลายโดยการสร้างภาพ โดยการคิดกันพิจารณากันเป็นสัญญาอารมณ์นะ

ใจมหัศจรรย์มาก เวลาทุกข์ ทุกข์มาก เวลามีความสุข เวลาจินตนาการสร้างภาพขึ้นมาจะมีความสุขมาก แล้วติดความสุขนั้น ถ้ามีสติสัมปชัญญะ ถ้าขาดสติ การสร้างภาพนั้นจะทำให้จิตหลอน จิตนั้นหลอนแล้วทำให้จิตนั้นถึงกับเสียจริตนิสัยได้ เพราะอะไร เพราะการสร้างภาพนั้นไง การสร้างภาพ ภาพขึ้นมาให้มันเป็น ให้มันมีความสุขมันก็มีความสุขมหาศาลเลย ว่าง ว่าง มีความสบายใจมาก...มันไม่เป็นอริยสัจ มันไม่เป็นความจริง

สิ่งที่เป็นความจริงต้องจิตสงบก่อน จิตตั้งมั่น สัมมาสติ พร้อมทุกอย่าง มรรคญาณจะเกิดขึ้นต้องมีสัมมาสมาธิ สัมมาสติ ความเพียรชอบ งานชอบ สิ่งที่ชอบขึ้นมา มรรคญาณเกิดอย่างนี้ ถ้ามรรคญาณเกิดอย่างนี้ วิปัสสนาอย่างไร นี่งานเกิดอย่างนี้

งานเกิดนะ เราเป็นคนทำงานเอง ดูสิ ผู้ที่ผ่านประสบการณ์มามหาศาล การทำงานจะมีความคล่องแคล่วมาก เด็กมันฝึกงานใหม่ เราเห็นมันทำผิด เราก็รู้ เด็กฝึกงานแล้วส่งงานมาให้เราดู จะรู้ว่าผิดตั้งแต่ตรงไหนไง ผิดตั้งแต่เขาสร้างเรื่อง สร้างโครงสร้างขึ้นมา หรือผิดวิธีการหรือผิดเทคนิค หรือผิดเพราะความเกียจคร้านของเขา มันจะเข้าใจสิ่งนี้หมด ถ้าเราผ่านประสบการณ์อันนี้มา

ใจของครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติก็อย่างนี้เหมือนกัน ว่าสภาวะแบบนี้ได้ทำลายมันมา ได้ทำลายมันมา เพราะสิ่งนี้เป็นการเกี่ยวข้อง กิเลสร้ายนัก โรคไข้หวัดนกทำให้ชีวิตนี้ต้องตายไปแล้วเกิด แต่โรคของกิเลสมันยิ่งร้ายนัก มันทำให้ใจนี้เวียนในวัฏฏะ ถ้าโรคนี้ร้ายนัก มรรคญาณต้องเกิดขึ้น ต้องละเอียดอ่อนนัก สิ่งที่ละเอียดอ่อนนักถึงต้องการใคร่ครวญในหัวใจนั้นมากนัก ทำลายหัวใจทั้งนั้น ทำลายหัวใจทั้งหมดจนสิ้นไป ทำลายโรคของกิเลส เห็นไหม

โรคไข้หวัดนกเป็นเรื่องของโรค เป็นเรื่องความเป็นไปของโลก วัฏฏะ มันทำให้สะเทือนใจ น่าวิตกวิจารณ์ เพราะมันเป็นไปสภาวะแบบนั้น แล้วอย่างนี้มันจะป้องกันอย่างไร แต่ในหัวใจใครจะป้องกันอย่างไร จินตนาการขนาดไหนนะ คิดไปร้อยแปด คิดไปถึงโลกไหนก็ได้ จักรวาลไหนก็ได้ นี่จินตนาการไปได้หมดเลย สิ่งนี้มันก็ร้ายกาจนัก สิ่งนี้จะทำลายอย่างไรให้มันสงบเข้ามาในหัวใจของเรา แล้ววิปัสสนาเกิดขึ้นมา

ในธรรมะไง สิ่งที่ทำธรรมะในอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มรรคอย่างนี้มีความสำคัญมาก วิธีการดับทุกข์ ทุกคนบอกว่า ว่างมาก ปล่อยวางหมด แต่วิธีการดับทุกข์นะ วิธีการ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ มรรคญาณเกิดอย่างไร ดับทุกข์อย่างไร ทำลายตามความเป็นสัจจะความจริงอย่างไร อริยสัจเกิดขึ้นมาอย่างไรในหัวใจนั้น จิตนี้กลั่นออกมาจากอริยสัจ พ้นออกมาจากอริยสัจ แล้วถึงออกไปเป็นพระอริยบุคคลขึ้นมา นี้คือธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะแก้กิเลส จะฆ่ากิเลส ทำลายเชื้อโรคของกิเลสให้มันสิ้นไปจากหัวใจ เอวัง